ฟังรายการสดจากวิทยุศึกษา



วันพุธที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ประเพณีแกล้งเด็ก


ใครๆ ก็รู้กันดีนะคะว่าเมื่อพูดประเทศญี่ปุ่นแล้ว กีฬา "ซูโม่" ถือ ว่าเป็นกีฬาที่มีเอกลักษณ์และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ถ้าจะให้นึกภาพตาม เราก็คงจะนึกถึงนักกีฬาตัวอ้วนๆ สองคน กำลังประลองพละกำลังกัน ...

แต่ในอีกมุมนึงประเทศญี่ปุ่นเค้าก็มีประเพณีน่ารักๆ เกี่ยวกับกีฬาซูโม่เหมือนกันนะคะ ... ประเพณีที่ว่านี้มีชื่อว่า "Konaki Sumo" หรืออาจจะเรียกแบบน่ารักๆ ว่า "ประเพณี...ซูโม่แกล้งเด็ก" ก็ได้นะคะ

ส่วนทำไมต้องแกล้งเด็กนั้น ก็เพราะว่าถึงเวลาแข่งแทนที่ซูโม่จะออกมาสู้กัน พี่ซูโม่ตัวอวบเค้าดันมาแข่งกันทำให้ทารกร้องไห้ซะงั้น โดยกติกามีอยู่ว่าเมื่อซูโม่ได้เด็กทารกไว้ในมือแล้ว ทั้งสองจะหันหน้าเข้าหากัน ฝ่ายใดที่สามารถทำให้ทารกในมือร้องไห้ได้ก่อนก็เป็นฝ่ายชนะ แต่ถ้าทารกเกิดใจตรงกันร้องไห้พร้อมกัน ก็ต้องมาวัดฝีมือที่เจ้าหนูกันแล้วว่า คนไหนร้องไห้เสียงดังกว่ากัน


แล้วแบบนี้สงสัยรึเปล่าล่ะว่า แล้วพ่อแม่ที่ไหนจะยอมให้เอาน้องหนูลูกน้อยของตัวเองมาทำแบบนี้ เพราะดูท่าทีแล้วมีหวังหนูน้อยคงฝันหนีดีฝ่อกันหมดแน่ ...

สำหรับสาเหตุที่พ่อแม่เค้ายอมให้เอาหนูน้อยมาเข้าร่วมประเพณีนี้ก็เพราะว่า ชาวญี่ปุ่นมีความสุภาษิตโบราณที่ว่า "ยิ่งทารกร้องไห้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยให้ทารกโตเร็วขึ้นเท่านั้น" ซึ่งความเชื่อนี้สืบเนื่องมากว่า 400 ปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมทุกๆ ปีจึงมีคุณพ่อคุณแม่ชาวญี่ปุ่นยินดีนำลูกน้อยมาร่วมพิธินี้กันอย่างคับคั่ง

สำหรับประเพณี "Konaki Sumo" จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมาก็เพิ่งมีการจัดประเพณีนี้ขึ้นที่ ไดเซ็นโซจิ ในกรุงโตเกียว ซึ่งในปีนี้มีทารกอายุน้อยกว่า 1 ปี จำนวน 80 คนเข้าร่วมประเพณีนี้ ...



ขอขอบคุณเนื้อหาจาก

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2552

งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 37และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 7


งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 37และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 7 (Bangkok International Book Fair 2009)Develop Yourself by Reading

  • สัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมฝรั่งเศส Guest of Hornor 2009

  • พบนักเขียนชื่อดัง

  • ซึมซับวัฒนธรรมฝรั่งเศสผ่านหนังสือ ภาพยนตร์ และแฟชั่นที่บู้ทฝรั่งเศส (France Pavilion) ในแพลนนารีฮอล์

  • สด! ใหม่! ตื่นตากับ “ห้องสมุดหนังสือใหม่” ที่เดียวที่รวบรวมหนังสือใหม่ๆๆๆกว่า 3,000 ปก ไว้ในห้องบอลรูม โซน”สนุก Kids สนุกอ่าน” เดินชมที่เดียวพบหนังสือใหม่ทั้งงาน

  • เพลิดเพลินกับการอ่าน และสนุกกับกิจกรรมในโซน ทั้งครอบครัว

  • ร่วมเป็นผู้หนึ่งในการทำบุญแห่งปัญญา ซื้อหนังสือบริจาค 9,999 เล่ม เพื่อเด็กด้อยโอกาสกว่า 1,000,000 คน เพียงบริจาคเงิน 50 บาท ขึ้นไป รับ “คำคมเทพรัตน์” หนังสือแม่เหล็กเล่มจิ๋วเป็นของที่ระลึกทันที พิเศษ! วันหนังสือเด็กแห่งชาติ 2 เมษายน นี้สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ แจกคูปอง 100 บาท ฟรี ให้เด็กและเยาวชน อายุไม่เกิน 15 ปี 10,000 คนแรกที่เข้างานได้ เลือกซื้อหนังสือในงานตามอัธยาศัย หมดแล้วหมดเลย
    ก้าวหน้าด้วยการอ่าน หนังสือสร้างเด็ก เด็กสร้างชาติ


ระยะเวลา วันที่ 26 มีนาคม 2552 เปิดให้เข้าชมงานเวลา 18.00 - 21.00 น.

วันที่ 27 มีนาคม – 6 เมษายน 2552 เปิดให้เข้าชมงานเวลา 10.00 - 21.00 น.

สถานที่จัดงาน ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พื้นที่ประมาณ 20,000 ตารางเมตร
แพ ลนนารีฮอลล์, Main Foyer โซน C ชั้นบน-ล่าง และโซนพลาซา จำนวน 15,500 ตารางเมตร สำหรับกิจกรรมการจำหน่ายหนังสือและสื่อการศึกษา

  • ห้อง Ball room , Hall A และ Atrium จำนวน 2,700 ตารางเมตร สำหรับจัดนิทรรศการและเวทีสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและแนะนำหนังสือ
  • ห้อง Meeting Room 1-4 จำนวน 900 ตารางเมตร งานแสดงหนังสือนานาชาติ และการอบรมสัมมนา
  • ห้อง Board Room 2-4 , ห้อง Lotus จำนวน 900 ตารางเมตร สำหรับจัดอบรมสัมมนาวิชาการ พิธีเปิด วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2552 เวลา 15.00 น.

น้องๆ ที่อยากพบตัวจริงพี่โลมา พี่นก พี่ปลา อย่าลืมไปเดินงานกันนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2552

คำขวัญวันเด็ก ประจำปี 2552


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2552 ซึ่งตรงกับวันที่ 10 มกราคม ว่า "ฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี" พร้อมทั้งอวยพรให้เด็กและเยาวชนไทยทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงทั้งร่างกาย จิตใจและสติปัญญา เป็นเด็กยุคใหม่ที่มีความเฉลียวฉลาด มีความแจ่มใสเบิกบาน และมีคุณธรรมจริยธรรม เพื่อเติบโตเป็นอนาคตที่มีคุณภาพของสังคม และนำความเจริญมั่นคงมาสู่ประเทศไทยของเราต่อไปในภายหน้า

อย่างไรก็ตามในการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ เกิดจากความคิดเพื่อกระตุ้น ให้เด็กได้ตระหนักถึงความสำคัญของตนเอง โดยนายวี เอ็ม กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิการเด็กระหว่างประเทศ เป็นผู้เสนอต่อ กรมประชาสงเคราะห์ ให้มีการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญของเด็ก

สำหรับงานวันเด็กแห่งชาติในเมืองไทยครั้งแรกนั้น จัดขึ้นในวันจันทร์แรก ของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 และได้จัดต่อกันมาเป็นประจำทุกปี จนถึง พ.ศ. 2506 จึงมีความคิดว่าควรจะเปลี่ยนไปจัดงานวันเด็กในวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมเนื่องจากเห็นว่า เป็นช่วงที่พ้นจากฤดูฝนมาแล้ว และเป็นวันหยุดราชการทำให้เกิด ความสะดวกด้วยประการทั้งปวง แต่ในปีถัดมา คือปี พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดในปี พ.ศ. 2508 ซึ่งถือเอาวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมเป็นวันเด็กแห่งชาติมาจนถึงปัจจุบันนี้

รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชนกำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ทุกๆ ปี ในวันนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานพระบรมราโชวาท สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงโปรดประทานพระคติธรรม และ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีจะมอบคำขวัญวันเด็ก แสดงให้เห็นว่าเด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดของชาติ เราจึงได้ยินคำพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "เด็กคืออนาคตของชาติ เด็กฉลาด ชาติเจริญ"